ค้นหาข้อมูลทั่วโลก

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ส.ค.ส เลิกไหนดีในปีใหม่ ๒๕๕๕

ส.ค.ส เลิกไหนดีในปีใหม่ ๒๕๕๕

จะเคาดาวน์นับถ่อยหลังระวังหน่อย
สติน้อยอย่ารีบเร่งตะเบ็งฝืน
ปรับชีพจรให้พอดีมั่นคงยืน
ไม่ไหลลื่นหกล้มจมอบาย..(มุข)
    ปีใหม่แล้วแต่ใจเก่าเข้าสนิม
มลทินทิมหัวใจใกล้ฉิบหาย
ไม่ซักฟอกปลอกเปลือกเปลี่ยนใจกาย
คงแพ้พ่ายตลอดปีไม่ดีเลย
   เลิกดีไหมสิ่งไหนที่ควรเลิก
เพื่อบุกเบิกชีวิตใหม่ไม่เหมือนเคย
ที่ผิดพลาดขลาดเขลาเศร้าโศกเย้ย
ลมรำเพยพัดผ่านพ้นมลทินใจ
   อบายมุขเลิกซุกไว้ในหัวอก
ตกนรกทั้งเป็นลำเค็ญไหม้
เลิกเกียจคร้านการงานไม่เอาไหน
จะยากไร้เพราะหัวใจไม่รักงาน
   เลิกเกเรเสเพลเป็นเด็กแว๊น
จงกล้าแก่นเพียงความดีที่อาจหาญ
เลิกคบคนชั่วมั่วมิตรอันธพาล
เลิกสันดานหยาบช้าบ้านักเลง
     เลิกสุราเมรัยยาเสพติด
ทั้งผลิตคิดค้าขายหมายเสพเอง
เลิกคอรัปชั่นบั่นทอนชาติไม่กลัวเกรง
เลิกข่มเหงรังแกเด็กสตรี....
      เลิกละโลภ โกรธ หลง ดำรงศีล
เลิกดูหมิ่น ประณามหยามศักดิ์ศรี
เลิกเป็นทาส  เป็นไท  ด้วยความดี
ตลอดปี ใหม่นี้ มีความสุขทุกคน เอย.....
 (จักรัฐิเมธ)

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฝ่าภัยหนาว..อีกกี่ครา



ฤดูฝนเพิ่งผ่านพ้นใกล้ต้นหนา

สายลมพัดบางเบาเข้าหน้าต่าง

เสียงหัวใจสั่นหนาวร้องครวญคราง

ผ้าห่มบางผืนเก่าบรรเทาไหว**

กี่ฤดูลมหนาวที่พัดหวน

กี่รัญจวนชวนหนาวสักแค่ไหน

ยังไม่พอไออุ่นสุมหัวใจ

จะฝ่าภัยหนาวนี้..อีกกี่ครา...


<จักรัฐิเมธ>

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฝ่าความตาย...ฝากไว้คิด



จะลี้หลบหนีให้พ้นสักล้านหน
ไม่ผจญเผชิญหน้าเวลาหนี
จะซ่อนกายกำบังไว้ยามหลบลี้
แทรกปฐพีใต้พิภพหลบซ่อนตัว
จะหนีไปให้ไกลสุดใต้หล้า
จะอำพรางกายาทุกแห่งทั่ว
ทั้งเหวลึกซอกเขาหลุมดำกลัว
จะมุดหัวให้พ้นภัยไกลความตาย....
เมื่อถึงคราพญามัจจุราช
ตามอาฆาตราวีไม่หนีหาย
จะหลีกหนีมิให้พบหลบซ่อนกาย
ฝ่าความตาย...ไม่เคยได้สักรายเดียว...
<จักรัฐิเมธ>

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

<ฝากกำลังใจ..สู้ภัยน้ำท่วม>



สายน้ำไหลหลาก....จึงอยากฝากกำลังใจ
อุทกภัย..เกินใครจะต้านทานไหว
เพียงหัวใจสู้...ร่วมกอบกู้พิบัติภัย
ร่วมเป็นหนึ่งแรงใจ....ฝ่าภัยให้ผ่านพ้น
สามัคคีเหนียวแน่น...ประคองแขนเกี่ยวใจทุกคน
ฝ่าวิกฤตน้ำล้น....ขอให้อดทนเป็นกำลังใจ
ในยามลำบาก....น้ำช่างไหลหลากยากใจ
ไม่เหลือเยื่อใย...น้ำท่วมไปทุกแห่งทุกหน
น้ำตาไหลหลั่ง..ปริแทบพังเหมือนฝั่งชล
คันกั้นน้ำแตกน้ำหลั่งล้น....ต้องผจญลำบากขาดแคลน
ทั้งอาหารน้ำดื่ม..จะหยิบยืม..แทบไม่มี
หวังน้ำใจน้องพี่...คนดีไม่ตระหนี่หวงแหน
ช่วยแบ่งปันน้ำใจ  ......แทนน้ำไหลช่วยเหลือทดแทน
ในยามขาดแคลน....พร้อมช่วยเกี่ยวแขนเป็นกำลังใจ

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฝ่าภัย...ไทยหนึ่งเดียว


     น้ำท่วมอ่วมระนาวนองทั่วหน้า

หยาดน้ำตาเอ่อล้นคนหม่นหมอง


หวังน้ำใจแทนน้ำท่วมที่เจิงนอง


ช่วยประคองผู้ทุกข์ยากจากวารี


ลืมศัตรูกู้ชีวิตมิตรภาพ


ธารน้ำอาบน้ำใจไทยน้องพี่


ประสานมือโอบกอดสามัคคี


ฝ่าภัยนี้ต้องจำไว้...ไทยหนึ่งเดียวฯ

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดาบอยู่ที่ใจ



(ดาบอยู่ที่ใจ)

ดาบอยู่ที่ใจยามใช้ใจคือดาบ

วาจาอาบยาพิษน้ำผึ้งหวาน

หนักแน่นดุจขุนเขาต้านเสียดทาน

อหังการทั่วปฐพีกระบี่เดียว...

<จักรัฐิเมธ>

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

อยากฝากตะวัน...




อยากฝากตะวันไว้ในหัวใจ..ใครสักคน
ในยามหมองม่นจะเป็นแสงแห่งกำลังใจ
อยากฝากไออุ่นกรุ่นฝันละมุนละไม
ขอมอบไว้...ยามที่หัวใจของใครเหน็บหนาว.
อยากฝากสายฝน..โปรยปรายแด่ใจแห้งแล้ง
ยามเหือดแห้ง..ไม่แล้งน้ำใจอบอ้าว
อยากฝากสายลมพัดพรมหัวใจบางคราว
ใครหนอปวดร้าวพัดเศร้าให้พ้นมลทิน

อยากฝากแสงดาวพร่างพราวคู่ฟ้าราตรี
ให้ใจคนดีสดใสในยามสูญสิ้น
อยากฝากดวงเดือนเป็นเพื่อนห่วงหาถวิล
หัวใจโรยริน..ไม่เลื่อนลับฟ้าราตรี
อยากฝากรอยยิ้มอิ่มใจ..ช่วยให้คล้ายเหงา
ลบรอยซ้ำเศร้ายิ้มสู้ปัญหาไม่หนี
อยากฝากพลังกำลัง...จากใจดวงนี้
พยุงคนดี..ให้ลุกขึ้นสู้อีกหน...
อยากฝากกวีบทนี้แทนความจริงใจ
ไม่หวังสิ่งใด..เพียงใครได้อ่านเยือนยล
ขอเพียงเป็นหนึ่งเสียงกระซิบในห้วงกมล
ในยามสับสนโปรดอ่านทบทวน..อีกที

<มอบแด่ทุกกำลังใจ...จักรัฐิเมธ.>

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทกวี "เงาหัวใจแม่"



"เงาหัวใจแม่"
เงาหัวใจของแม่ที่ตามรัก
เงาพิทักษ์ห่วงใยในทุกหน
เงาตามหวังความฝันลูกทุกคน
เงาแม่ยลหวังลูกดีมีศีลธรรม
เงาของแม่ไม่วันเสื่อมสลาย
เงาแม่ฉิบหายหากลูกนั้นเหยียบย้ำ
ไม่เห็นเงาของแม่สร้างบาปกรรม
ลูกระยำทำเงาแม่อันตรธาน
เงาของแม่ไม่มีวันจะแปรเปลี่ยน
เงาแม่เพียรห่วงใยลูกกลับบ้าน
เงาแม่สถิตใจลูกรักตลอดกาล
ขอดวงมานอย่าไล่แม่...ยามแก่ลง
เห็นเงาแม่ยามป่วยไข้..ไม่ทิ้งห่าง
เห็นเงาแม่คู่ทางไม่ทิ้งส่ง
เห็นเงาแม่บนหัวนอนกราบบรรจง
เห็นเงาแม่ลูกอย่าหลงบ้าเสพยาฯ
เงาของแม่ยังคงอยู่คู่กับลูก
เงาของแม่พันผูกด้วยห่วงหา
เงาของแม่ไม่อาจหลับสู่นินทา
หากลูกยายังไม่หลับลับราตรี
เงาของแม่ไม่สลายแม้ตายจาก
กายพลัดพรากแต่เงาใจไม่หลบหนี้
จิตวิญญาณคือเงาแม่ธรณี
จะปกป้องลูกคนดี...ชั่วนิรันดร์
<ขอบูชาคุณหัวใจแม่ทุกดวง...จักรัฐิเมธ  ๑๒ สิงหา ๒๕๕๔>

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กำลังใจ..สู้ชีวิต


กายพิการทั้งแขนขาน่ารัดทด
แต่หัวใจทรหดยิ่งภูผา
ถึงล้มบ่อยสักร้อยครั้งหลั่งน้ำตา
ยังอุตส่าห์พยุงกายไม่พ่ายพัง
ขอยกย่องผู้กล้าฝ่าชีิวิต
เปลี่ยนเข็มทิศทางเดินที่สิ้นหวัง
เพิ่มคุณค่าเติมรอยยิ้มปริ่มกำลัง
ทิ้งเบื้องหลังไม่ย่อท้อต่อชะตา...
<จักรัฐิเมธ>

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สีมัคคา

พรรคใดไม่มีสีช่างดีแท้
ทั้งสีแก่สีอ่อนผ่อนลงบ้าง
สีมัคคาสามัคคีคือสีกลาง
ไม่แบ่งข้างแบ่งสีมีสีเดียว
3 ก.ค.54 เลือกดีไหม
ประชาธิปไตยใครข้องเกี่ยว
จะเลือกสีเลือกข้างให้เฉลียว
คุณคนเดียวกำหนดชะตาไทย
เลือกคนดีที่คุณเห็นเซ่นเงินหว่าน
เลือกผลงานคนดีจะดีไหม
เลือกโหวตโน...แล้วแต่สิทธิ์ของใคร
อยู่ที่ใจ..ขอฝากไว้..ใช้สิทธิ์คุณ
<จักรัฐิเมธ>

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นกน้อยอิสระ

ปีกน้อยอ่อนไหวพริ้วไหวโอนอ่อน
เริงเล่นร่อนล่องลมชมทิวฟ้า
ไร้คู่ดูเปลี่ยวเหงาแต่ไม่เศร้าสิเหน่หา
อิสระทุกเวลา ทะยานฟ้าวิหกเหิน...
เพรียวใจ นิ่งไว้ ใต้สายลม
สงบทุกข์ตรมใต้กิเลสเนิ่น
ปล่อยปลิวโลกธรรมสรรเสริญ
ยืนหยัดเดินเวหาอริยมรรค
................

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

จะสู้กันเพื่อใคร....

<จะสู้กันเพื่อใคร....>
จะสู้กันเพื่อใครไทยเขมร
ราวีเวรก่อสงครามพินาศสอง
เหมือนหนึ่งแย่งนารีมาครอบครอง
หวังสนองตัณหาบ้ากามคุณ
ผู้ที่ครองหมายปองข้าเพียงหนึ่ง
ผู้ที่หึงหวงแหนแสนเคืองขุ่น
ต่างแย่งชิงห่ำหั่นกันเป็นจุณ
หวังละมุนงามงอนสุนทรเดียว
ต้องสังเวยซากศพแลกซากศพ
สุดท้ายพบความจริงให้แลเหลียว
เหลือความทุกข์เศร้าโศกระงมเชียว
สูญเปล่าเปลี่ยวทั้งสองฝ่ายได้อะไร?...
<จักรัฐิเมธ>

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

วันสงกรานต์



วันสงกรานต์ตำนานสอนพรสิริ
เช้าดำริล้างหน้าหาราศรี
บ่ายอกร้อนเหงื่อไหลอาบน้ำดี
เท้าย้ำธรณีเย็นกลับล้างสร้างมงคล
สิริงามประจำหน้าเมตตาเกิด
พรประเสริฐเพราะทำดีจึงเกิดผล
วันสงกรานต์สาดน้ำใจใช้น้ำมนต์
เติมสุขล้นพ้นทุกข์เข็ญเย็นสงกรานต์
เติมน้ำใจให้กันยามขันหมด
ต่างรินรดให้อภัยรู้สงสาร
น้ำเมตตาเปี่ยมใจให้เบ่งบาน
สุขสนานกาลพอควรไม่ลวนลาม
วัฒนธรรมน้อมนำอนุรักษ์
ประเพณีพิทักษ์อย่าเหยียดหยาม
จะโชว์หุ่นเปลือยกายระอายงาม
เห็นแก่คามมารดาค่าสกุล
<จักรัฐิเมธ>


วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

รอก่อนนะ..ดาว (เวอร์ชั่น2)

รอคอยนับดาวสกาวล้อมเดือน
รอคอยเพียงเพื่อนมีดาวร่วมทาง
ค่ำคื่นที่เหงาไม่เศร้าอ้างว้าง
มีดาวพราวพร่างคู่เดือน..เพื่อนกัน
รอก่อนนะ..ดาว..อย่าพึ่งอับแสง
ช่วยประกายแรงทอแสงแข่งขัน
จะนับให้หมดแม้หมื่นล้านพัน
ขอดาว..อย่าหวั่น ฉันนี้จริงใจ
ได้โปรดเถอะดาว..ช่วยทอแสงก่อน
จะไม่หลับนอนคู่ดาว..ห่วงใย
ดาวเจ้าระยับ..บนขอบฟ้าไกล
ฉันยังฝันใฝ่...จริงใจนะ..ดาว..
<จักรัฐิเมธ>

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขอเวลา..ซ่อมแซมหัวใจ (นกน้อยสู้ชีวิต ต่อ5)

ขอเวลาซ่อมแซมหัวใจที่เจ็บ
อย่าพึ่งทิ่มเหน็บให้เจ็บอีกครั้ง
สมานแผลแก้ช้ำหัวใจพ่ายพัง
เยียวยาผิดหวัง..บางครั้งต้องใช้เวลา
จึงต้องฝึกฝนทนอยู่..ลำพัง
ลบภาพความหลัง..ที่ยังฝังใจติดตา
ต้องข่มอารมณ์ขื่นขมมิให้ครวญหา
รอวันเยียวยาหัวใจให้แกร่ง..กว่าเดิม
แล้วค่อยกลับมาท้าสู้..กู้ฝัน
ด้วยใจมุ่งมั่น ไม่หวั่นจะถูกซ้ำเติม
นกน้อยเตรียมใจ..เพียงใจฮึกเหิม
กำลังใจเสริม..พร้อมสู้กู้หน้าล่าฝัน...
<จักรัฐิเมธ>


วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

นกน้อยสู้ชีวิต (ต่อ4)

มีปีกหัวใจพร้อมเครื่องในยังอยู่
ถึงตัวเล็กใจยังสู้..จะกู่ร้องให้ก้องไพร
พื้นแผนดินแผ่นฟ้าจะกว้างใหญ่สักเพียงใด
ทุกแห่งหนถวิลใฝ่จะบินไปเยี่ยมชม
ด้วยหัวใจที่แกร่งแรงกายไม่พิการ
จะกางปีกทะยานอาจหาญล่องลม
รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกภัยไม่ทุกข์ตรม
จะไม่เจ็บระทมในโลกกลมแดนมายา
จะเก็บเกี่ยวรอยยิ้มอิ่มใจในมวลมิตร
จะขอพิชิตท้องนภาเวหา
บอกให้โลกรู้นกน้อยผู้เก่งกล้า
ยังคงเริงร่า..บนสายการบินสานฝัน..
<จักรัฐิเมธ>

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

นกน้อยสู้ชีวิต (ต่อ)


นกน้อยจากคอนเคยนอนเคียงคู่
เมื่อเจ้าโฉมตรูไม่อยู่จากไปลับหาย
ทิ้งคอนว้าเหว่โดดเดี่ยวเดียวดาย
ความฝันสลายไม่อาจเดียวดายคู่คอน
จึงต้องบินหลบค้นพบทางฝัน
ปลายแสงตะวัน..ยังมีได้เอื้ออาทร
นำส่องทางบินถวิลฝักใฝ่สัญจร
จะไม่กลับคอน..จนกว่าจะพบความฝัน
จะไกลแสนไกลบินไป..ไม่ท้อ
เหนื่อยนักก็รอพักใจเติมแรงแข็งขัน
ค่อยบินต่อไปด้วยปีกหัวใจมุ่งมั่น
ตราบดวงตะวันสาดแสงยังมีแรงใจ
<จักรัฐิเมธ>

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

สงสาร..เหยื่อสึนามิ


สงสารเหยื่อแผ่นดินไหวสึนามิ
น้ำตาปริ..อาบแก้มแดนซากุระ
ดอกร่วงโรยชีวิตพรากยากพบปะ
คลื่นมรณะถ่าโถมทับ..จับติดตา
ธรณีโหด..พิโรธ..ซ้ำอาฟเตอร์ช็อก
กำลังน็อกล็อคทำลายโรงไฟฟ้า
เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ตั้งเวลา
ระเบิดฆ่าล่าชีวิตติดเปลวเพลิง
ซากุระวันนี้ช่างสวยเศร้า
คงความงามแบบเหงาเหงา..ไม่บันเทิง
หวังใจช่วยผ่านชะตาที่ว้างเวิ้ง
กลับรื่นเริง..คู่แดนดินถิ่นอุทัย..
<จักรัฐิเมธ>

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

หยดน้ำบนใบบัว

ใบบัวหนึ่งกลางบึงใหญ่ไม่จมน้ำ
ไม่ชอกช้ำยามฝนพรำรินรดใส่
กี่หยดน้ำหาญซึมผ่านใบบัวไป
แค่กลิ้งไหวเป็นหยดน้ำบนใบบัว
น้ำในบึงมีมากเต็มเปี่ยมบึง
เป็นที่พึ่งบัวอาศัยได้เกิดทั่ว
บัววางใบเหนือน้ำไม่หวั่นกลัว
กลับเจียมตัวไม่หลงน้ำตามหยดใบ
<จักรัฐิเมธ>

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ขอมอบดอกไม้



ขอมอบดอกไม้...จากดวงใจ
ที่เบ่งบานภายใน เป็นดอกไม้ที่ไม่โรยร่วง
จะส่งกลิ่นหอมถนุถนอมดวงใจทุกดวง
ให้มีแรงโน้มถ่วง ไม่ร่วงหล่นจากความดี
เป็นดอกไม้ที่ไม่เลือกแจกัน
ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะหรือแบ่งสี
รวมช่อเป็นหนึ่งรักษาไว้ซึ่งไมตรี
มิตรภาพน้องพี่ ประดับใจนี้ให้งดงาม
โอ้ดอกไม้..ที่แสนบริสุทธิ์
อยากให้ผ่องผุด ท่ามกลางภัยสงคราม
ชวนโลกให้ยิ้มร่าเริงเช่นยิ้มสยาม
ยุติเหยียดหยามสงครามสงบร่มเย็น
<จักรัฐิเมธ>

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

มีอึด อีฮึด มีสู้ ให้โลกรู้ว่ากู ไม่แพ้

บนเส้นทางสายเปลี่ยว....โดดเดี่ยวเดียวดายลำัพัง
ขอเพียงพลังกำลังใจ..ยังห้าวเหิน
ไม่หวั่นไม่ท้อ แม้ต้องเผชิญ
อุปสรรคทางเดิน..ขวากหนามกั้นกลาง
ถึงจะล้มลุกคลุกคลาน...สักกี่ครั้ง
ผ่านเศร้าผิดหวัง..นับร้อยครั้งอ้างว้าง
ขอหัวใจยังสู้ ยืนหยัดอยู่..ทุกเส้นทาง
รอวันฟ้าสาง...เร่งสร้างฝัน..อย่าหวั่นเกรง
พรุ่งนี้ยังมี....วันนี้ยังไม่สาย
วันวานอย่าเสียดาย...หากแพ้พ่ายถูกข่มเหง
เสียน้ำตา เสียใจ ร้องให้ต่างเสียงเพลง
เปลี่ยนเป็นขับบรรเลงบทเพลงหวัง..ช่างปะไร
ตะโกน..ให้โลกรู้...ว่าหัวใจ กู ยังสู้
อย่ายอมแพ้ศัตรู..หากยังเหลือลมหายใจ
เติมแรงอึด แรงฮึด แรงสู้ ให้โลกรู้..ข้ายิ่งใหญ่
ประเดิมคว้าชัย..ด้วยหัวใจ..ใจเกินร้อย...
**มอบแด่ทุกแรงใจ**
<จักรัฐิเมธ>


วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวิงใจ..ไว้รอรัก..วันวาเลนไทน์

ใจเป็นปลาฝักใฝ่น้ำตามหารัก
เป็นที่พักอาศัยสิเหน่หา
หากขาดน้ำคงสิ้นใจมรณา
เป็นธรรมดาหัวใจใฝ่โลกีย์
หากรีบรักเกินวัยใจไม่พร้อม
อาจตรมตรอมเสียใจให้หมองศรี
ฝึกเป็นปลารู้ลึกกว้างแม่น้ำดี
รู้หลบหนี้ภัยศัตรูผู้มาเยือน
ค่อยเรียนรู้ รู้ถนอมสงวนศักดิ์
อย่าริรักใครไว้เกินกว่าเพื่อน
คำนึงคุณสกุลชาติฉลาดเตือน
ไม่แปดเปื้อนมลทินเพราะสิ้นอาย
วาเลนไทน์มาถึงพึงรักษา
พรหมจรรย์จรรยาอย่าทิ้งหาย
ประวิงใจ..ไว้รักแท้..ทั้งหญิงชาย
รอมั่นหมาย..คนดีีดี..ที่เฝ้ารอ..
*กวีสอนน้อง*
<จักรัฐิเมธ>

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สงครามให้อะไร?

สงครามให้น้ำตาฆ่าชีวิต
สงครามให้ยาพิษความโหดร้าย
สงครามให้ความบอบซ้ำจนวันตาย
สงครามให้ทำลายชายติเผ่าพันธุ์
สงครามให้ความพลัดพรากจากสิ่งรัก
สงครามให้ประจักษ์แบ่งสีสัน
สงครามให้จองเวรเข่นฆ่ากัน
สงครามให้ภัยมหันต์หลังสงคราม
สงครามก่อสร้างหนี้เชลยศึก
ผลิผลึกตะกอนสอนเหยียดหยาม
ทำลายมิตรสร้างศัตรูภัยคุกคาม
ทุกชั่วยามหวาดหวั่นสะดุ้งกลัว
สงครามให้แผ่นดินนองด้วยเลือด
สงครามให้ร้อนเดือดแผ่ไปทั่ว
สงครามให้ซากศพเสียงปืนรัว
สงครามให้กิเลสยั่ว..บ้าสงคราม
<จักรัฐิเมธ>

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันวาน หรือยังหวาน

เพิ่งจากันวันหวาน เมื่อวันวาน
ต้องซมซานแยกทางกันในวันนี้
อยู่ต่างขั้วต่างสีต่างไมตรี
เพราะต่างมีอุดมการณ์ที่ต่างกัน
ลืมจำบทกติกากีฬาแข่ง
ผู้แข็งแรงมีชัยการแข่งขัน
คือผู้ชนะในเกมส์ยอมรับมั่น
ผู้แพ้ยันยอมรับด้วยน้ำใจ
เมื่อเกมส์กีฬากติกาเดิมพันสูง
อำนาจจูงเหตุผลพ้นวิสัย
ไม่หลงเหลือ เอื้อเฟื้อ เหลือเยื่อใย
เพราะกำไรเหนืออุดมการณ์มาราญรอน
<จักรัฐิเมธ>

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

คืนนี้ หัวใจ..อยากร้องให้



เสียงสะอื้นหัวใจ....ดังมาจากข้างใน
น้ำตาเริ่มรินไหล...ไหลมาจากข้างใน
บอกความรู้สึก..ลึกลึก..เสียใจ
อยากจะร้องให้..ตลอดคืน..คืนนี้
ไม่มีแม้ใคร..สักคนปลอบใจ
ไม่เหลือแม้ใคร..สักคนใยดี
ดวงจันทร์แสงดาว..คืนนี้ไม่มี
ต่างหลบลี้หลบหนี้..ทิ้งคืนนี้ให้เดียวดาย
โอ้ใจเอ๋ย......เจ้าคงสุดซ้ำเสียใจ
ปล่อยน้ำตารินไหล...ไหลไม่ขาดสาย
เจ้าคงเจ็บซ้ำ....เจ็บแทบปางตาย
เจ้าคงอยากร้องให้.......จงร้องออกมา..เถิดใจเอ๋ย
***ร้องให้เถอะใจข้า..หากเจ้าอยากจะร้อง***
<จักรัฐิเมธ>

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

เลิกทาส

ชีวิตทาสปราศจากอิสระ
ต้องก้มหัวคารวะนายเจ้าของ
ต้องสยบแทบบาทตกเป็นรอง
ต้องสนองอารมณ์ผู้เป็นนาย
ยอมมอบกายชีวิตไว้เป็นทาส
อยู่ใต้บาทรับใช้ทั้งใจกาย
แม้ถูกสั่งให้สังเวยเกยความตาย
ไม่อาจได้ปฏิเสธเหตุอภัย
ต้องจำยอมจำนนอดทนสู้
มีชีวิตแสนหดหู่ไม่ผ่องใส
เหมือนโคถูกจองจำไม่เป็นไท
เพื่อนำไปฆ่าสังเวยบูชายัญ
ชีวิตทาสสุดรันทดสลดหนัก
ยิ่งทาสรักทาสตัณหามาบีบคั้น
ในดินแดนเหือดแห้งค่ายกักกัน
เพียงน้ำใจแบ่งปันนั้นไม่มี
ยิ่งทวีความทุกข์ซ้ำรอยทาส
ใต้อุ้งบาทอบายมุขทุกข์วิถี
ตกเป็นทาสผีสิงชีวิตหนี้
กลายเป็นผีหลอกคนเป็นเห็นอบาย
เกิดแล้วตายตายแล้วเกิดเพื่อเป็นทาส
ทุกภพชาติไม่น่ามาเกิดตาย
มีชีวิตที่สูญเปล่าหลังเวียนว่าย
ทั้งที่อาจเลือกได้..จะเป็นนายหรือเป็นทาส...
<จักรัฐิเมธ>

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ลืมตัว

วัวลืมตีนใยตีนไม่ลืมวัว
ฟังกลับขั้วตีนลืมวัวตัวไปไหน
คงหนักหนาสาหัสขัดจัญไร
คงบรรลัยสิ้นวัวทั้งตัวตีน
ฟ้าลืมฟ้านึกว่าเป็นดินต่ำ
คงถูกสอยเหยียบย้ำต่ำเกินปีน
คนลืมตัวไม่ภาวนารักษาศีล
คงสูญสิ้นคุณค่าว่าเป็นคน
ดินลืมดินสิ้นอายกลายเป็นฟ้า
คงอุจจาดบาดตาทั่วแห่งหน
ฟ้าเป็นดินดินเป็นฟ้ากลับลืมตน
โลกสกลคงสับสนอลเวง..
<จักรัฐิเมธ>

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด..ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร

*วันวาน*
เราชอบนายเพราะว่านายคือเพื่อนแท้
เพราะนายแน่เราจึงหวังนายช่วยเหลือ
เพราะมีนายจึงมีเราเฝ้าจุนเจือ
นายขาดเหลือเราช่วยนายตายแทนกัน
*วันนี้*
เราคงโง่ที่มีนายคล้ายเพื่อนแท้
เพราะนายแน่ทำกับเราแทบอาสัญ
คำว่าเพื่อนที่เคยรักเคยผูกพัน
ขาดสะบั้นเพราะว่านายได้เธอไป
*วันพรุ่งนี้*
เราและนายสุดท้ายไม่เหลือค่า
วันเวลาว่าเพื่อนแท้ต้องหมางไหม้
เพียงเราฝากนายดูแลเธอเพราะไว้ใจ
นายกลับใช้มิตรแท้แค่ขามคืน....
...จบอวสาน..
<จักรัฐิเมธ>

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

จงยกตน...ของตนขึ้นจากหล่ม

ช้างติดหล่มจมติดใต้หล่มหลุม
ใครจะอุ้มช่วยช้างจากหล่มได้
ช้างสงครามยามยากจะพึ่งใคร
ต้องอาศัยกำลังตนพ้นหล่มเอง
จงยกตนของตนพ้นจากหล่ม
กิเลสตมจมหนักต้องรีบเร่ง
ตนพึ่งตนพยุงตนคือคนเก่ง
อย่ากลัวเกรงรีบยกตนพ้นหล่มมาร
เมื่อยกตนพ้นจากหล่มไม่จมแล้ว
เหมือนได้แก้วชัยชนะที่อาจหาญ
กิเลสตมหล่มไหนมาระราน
อาจต้านทานไม่ติดหล่มจมอีกเลย..
<จักรัฐิเมธ>

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

จงหลับ...จงหลับ

หลับเถอะหนา..หัวใจที่โรยแรง
เคยแก่งแย่งแข่งขันกัยวุ่นวาย
เคยผ่านทุกข์ผ่านสุขเจ็บปางตาย
หลับให้สบาย ผ่อยคลายหายกังวล
หลับเถอะหนา..หัวใจที่อิดโรย
หยุดหิวโหยโหยหา..บ้าสับสน
หยุดอารมณ์ฟุ้งซ่านรานกมล
หยุดวกวนซ่อนคิดค่อยปิดตา
หลับเถอะหนา...หัวใจ..หลับตาลง
ปลดปล่อยปลง..พิจารณา..อนิจจา
เกิดแก่เจ็บ..ตาย..สุดท้ายวายชีวา
เป็นธรรมดา..ธรรมดา..จงหลับตาลง
จงหลับ..จงหลับ..จงหลับ
<จักรัฐิเมธ>

มีดอกรัก..ก็มีดอกรันทม

ฟ้าัยังฟ้าอยู่คู่ดวงตะวัน
เจ้าดวงจันทร์..ยังอยู่คู่หมู่ดวงดาว
ค่ำคืนยังเห็นแสงดาววับวาว
ยังส่องสกาวพราวพร่างกลางคืนเดือนเพ็ญ
ขุนเขายังอยู่คู่ป่าพงไพร
สัตว์เล็กน้อยใหญ่อาศัยหลบหลีกรำเค็ญ
ทะเลยังซาซัดคลื่นให้เห็น
ฝูงปลาว่ายเล่น..ยังอยู่คู่น้ำตามเคย
แต่ดอกรักยังอยู่คู่ดอกรันทม
มีสุขสมทุกข์ตรอมตรมคู่กันเปิดเผย
มีรักมีร้างพลัดพรากจากกันละเลย
ใครจะลงเอย..อย่างไร..เตรียมใจให้ดี...
<จักรัฐิเมธ>

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

ถนนโรยด้วยกลีบกุหลาบ

กลีบกุหลาบวางโปรยโรยบนพื้น
ลาดพรมผืนกำมะหยี่สีสดใส
บนถนนคอนกรีตสิวิโลท์
ให้ชีวิตก้าวไปได้คงดี
แต่ความจริงแค่ภาพฝันเนรมิต
บนถนนชีวิตต่างหลากสี
ที่ซุกซ่อนหลุมพรางทางโลกีย์
ดูเหมือนมีกลีบกุหลาบภาพลวงตา..
ผู้ก้าวเพลินเดินไปไม่ยั้งคิด
ก้าวพลาดผิดปลิดชีวิตอย่างไร้ค่า
ผู้สงบพบสติจึงนำพา
ก้าวข้ามฝ่าปลอดภัยไร้หลุมพราง..
<จักรัฐิเมธ>

สมานสี..หรือสมานฉันท์

จะแบ่งไทยแบ่งสีผู้ดีไพร่
เหลืองแดงไว้ต่างน้ำเงินหรือหลากสี
ยกตัวกูแทนค่าสีเข้าราวี
เป็นไพรีเพราะต่างจิตคิดต่างกัน
ใช้ไวหารคำข่มโถมปลายหอก
เล่นมายาลวงหลอกให้ห่ำหั่น
ไทยฆ่าไทยเพราะต่างสีชาติพันธุ์
หวังรางวัล..สิ้นชาติหรืออย่างไร..
เพียงสมมติ..หยุดยึดถือ..คือสีข้า
เพียงเลิกบ้า..สมมุติ..หยุด ถือไพร่
เพียงรู้รักสามัคคี..ให้อภัย
หากยังเหลือน้ำใจ..ไทยด้วยกัน
..จักรัฐิเมธ..

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

ภัยพิบัติ...ลางร้ายวันสิ้นโลก


ภัยพิบัติสะบัดทั่วยั้วเยือนโลก
นำทุกข์โศกโรคภัยทุกถิ่นที่
พายุฝนกระหน่ำซ้ำซัดทวี
ธรณีพิโรธเหมือนโกรธเคือง
แผ่นดินไหวภูเขาไฟไหม้ระเบิด
สินามิกำเนิดเกิดต่อเนื่อง
ผลาญชีวิตใช้ีชีวินอย่างสิ้นเปลือง
จมบาทเบื้องมัจจุราชอนาถอนันต์
ชะตาโลกบอกลางเหตุเภทพิบัติ
เคราะห์กรรมซัดมนุษย์สร้างอย่างมหันต์
โลภ โกรธ หลง คือเชื้อร้ายก่อกลายพันธุ์
คงสักวัน...ต้องสูญพันธุ์..วันสิ้นโลก
**จักรัฐิเมธ**

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

กบ..ในกะลา



โลกของข้ากว้างใหญ่หาใดเท่า
โลกของเจ้าว่าใหญ่ยังต้องแพ้
ข้านั้นหรือ คือเจ้าโลกขนานแท้
ใครจะแน่กว่ากบในกะลา...
....จักรัฐิเมธ...

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

ถนน...ฆ่าชีวิต

บนถนนสายเปลี่ยวดูเปลี่ยวว่าง
ดูอ้างว้างห่างไกลเกินไปถึง
แสงแดดร้อนลมแรงพัดรำพึง
ขวางหนามขึงกั้นกลางไร้ทางเดิน
หากใจท้อคงต้องรอแต่แพ้พ่าย
สิ้นสลายความฝัน..ยิ่งห่างเหิน
เหลือแต่ซากความตายให้เผชิญ
จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร...
...จักรัฐิเมธ....

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

เพราะเขาคนเดียว...ใช่ไหม

"เพราะเขาคนเดียว...แท้ๆ"
เขาคือใครที่ทำให้ใจเธอเจ็บ
เขาที่ชอบเหน็บให้เจ็บที่ตรงหัวใจ
เขาที่มองเธอเสมออย่างมีเลศนัย
เขาคนไหนที่จะใส่ใจเพียงเธอ
เขาเสมอคือคนที่เธอพร่ำหา
เขาดีเกินกว่าเกินค่าจนเธอพร่ำเพ้อ
เธอจึงเสาะหาพร้อมจริงใจเสนอ
สุดท้ายแล้วเธอละเมอด้วยทั้งน้ำตา
ที่แท้เพียงเขา..คือเงาที่เธอใฝ่ฝัน
จริงใจเมื่อยามห่างกัน สูญพลันเมื่อยามเขาหา
เพียงมายาหลอกหลวงเธอเพราะไร้เดียงสา
เขาต้องการจะฆ่าสิ่งที่เธอรักษามานาน
เขาคนนั้นที่ทำให้เธอเสียใจ
และเขาใช่ไหมคือคนที่เธอต้องการ
ถ้าไม่มีเขาเธอคงเจ็บปวดร้าวราน
เขาเพียงต้องการแค่ผ่านแต่เธอต้องการคู่เขา
เศร้าใช่ไหมเมื่อเขาต้องเดินจากไป
เจ็บใช่ไหม..เมื่อรู้ว่าต้องเปลี่ยวเหงา
น้ำตาเริ่มซึม..หัวใจของเธอซึมเศร้า
โหยหาแต่เขา...เมื่อไร้เงา..ของเขาคนนั้น...
<จักรัฐิเมธ>

ลมหนาว..สะท้อนทรวง


**ลมหนาว..สะท้อนทรวง**

สายลมหนาวพราวพร่างกลางสายหมอก
มายวนหยอกหัวใจให้สงสาร
ถึงอุ่นกายใจเหน็บหนาวร้าวรำคาญ
ต้องไหว้วานผ้าห่มข่มบันเทา
ผ้าห่มน้อยเพื่อนแท้กลับแพ้หนาว
สั่นทุกคราวเมื่อหนาวเข้ารุกเร้า
ต้องกินยาทัมใจให้บางเบา
โอ้หนาวเจ้ากลับทวีขยี้ใจ.....
<จักรัฐิเมธ>

น้ำค้างชีวิต


น้ำค้างชีวิต

หยาดน้ำค้างพร่างมาคราหน้าหนาว
เกาะยอดหญ้าวับวาวสะท้อนแสง
ในยามเช้าก่อนสายประกายแรง
ค่อยเปลี่ยนแปลงเหือดหาย..มลายพลัน
อนิจจา..นี้หรือคือชีวิต
กรรมลิขิตชะตามาแบกขันธ์
ทั้งน้อยนิด ร่อยหรอลงทุกวัน
ช่างแสนสั้นไม่แตกต่าง..น้ำค้างเลย...
<จักรัฐิเมธ..ฝากไว้ให้คิด>