ค้นหาข้อมูลทั่วโลก

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

คืนนี้ หัวใจ..อยากร้องให้



เสียงสะอื้นหัวใจ....ดังมาจากข้างใน
น้ำตาเริ่มรินไหล...ไหลมาจากข้างใน
บอกความรู้สึก..ลึกลึก..เสียใจ
อยากจะร้องให้..ตลอดคืน..คืนนี้
ไม่มีแม้ใคร..สักคนปลอบใจ
ไม่เหลือแม้ใคร..สักคนใยดี
ดวงจันทร์แสงดาว..คืนนี้ไม่มี
ต่างหลบลี้หลบหนี้..ทิ้งคืนนี้ให้เดียวดาย
โอ้ใจเอ๋ย......เจ้าคงสุดซ้ำเสียใจ
ปล่อยน้ำตารินไหล...ไหลไม่ขาดสาย
เจ้าคงเจ็บซ้ำ....เจ็บแทบปางตาย
เจ้าคงอยากร้องให้.......จงร้องออกมา..เถิดใจเอ๋ย
***ร้องให้เถอะใจข้า..หากเจ้าอยากจะร้อง***
<จักรัฐิเมธ>

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

เลิกทาส

ชีวิตทาสปราศจากอิสระ
ต้องก้มหัวคารวะนายเจ้าของ
ต้องสยบแทบบาทตกเป็นรอง
ต้องสนองอารมณ์ผู้เป็นนาย
ยอมมอบกายชีวิตไว้เป็นทาส
อยู่ใต้บาทรับใช้ทั้งใจกาย
แม้ถูกสั่งให้สังเวยเกยความตาย
ไม่อาจได้ปฏิเสธเหตุอภัย
ต้องจำยอมจำนนอดทนสู้
มีชีวิตแสนหดหู่ไม่ผ่องใส
เหมือนโคถูกจองจำไม่เป็นไท
เพื่อนำไปฆ่าสังเวยบูชายัญ
ชีวิตทาสสุดรันทดสลดหนัก
ยิ่งทาสรักทาสตัณหามาบีบคั้น
ในดินแดนเหือดแห้งค่ายกักกัน
เพียงน้ำใจแบ่งปันนั้นไม่มี
ยิ่งทวีความทุกข์ซ้ำรอยทาส
ใต้อุ้งบาทอบายมุขทุกข์วิถี
ตกเป็นทาสผีสิงชีวิตหนี้
กลายเป็นผีหลอกคนเป็นเห็นอบาย
เกิดแล้วตายตายแล้วเกิดเพื่อเป็นทาส
ทุกภพชาติไม่น่ามาเกิดตาย
มีชีวิตที่สูญเปล่าหลังเวียนว่าย
ทั้งที่อาจเลือกได้..จะเป็นนายหรือเป็นทาส...
<จักรัฐิเมธ>

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ลืมตัว

วัวลืมตีนใยตีนไม่ลืมวัว
ฟังกลับขั้วตีนลืมวัวตัวไปไหน
คงหนักหนาสาหัสขัดจัญไร
คงบรรลัยสิ้นวัวทั้งตัวตีน
ฟ้าลืมฟ้านึกว่าเป็นดินต่ำ
คงถูกสอยเหยียบย้ำต่ำเกินปีน
คนลืมตัวไม่ภาวนารักษาศีล
คงสูญสิ้นคุณค่าว่าเป็นคน
ดินลืมดินสิ้นอายกลายเป็นฟ้า
คงอุจจาดบาดตาทั่วแห่งหน
ฟ้าเป็นดินดินเป็นฟ้ากลับลืมตน
โลกสกลคงสับสนอลเวง..
<จักรัฐิเมธ>

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด..ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร

*วันวาน*
เราชอบนายเพราะว่านายคือเพื่อนแท้
เพราะนายแน่เราจึงหวังนายช่วยเหลือ
เพราะมีนายจึงมีเราเฝ้าจุนเจือ
นายขาดเหลือเราช่วยนายตายแทนกัน
*วันนี้*
เราคงโง่ที่มีนายคล้ายเพื่อนแท้
เพราะนายแน่ทำกับเราแทบอาสัญ
คำว่าเพื่อนที่เคยรักเคยผูกพัน
ขาดสะบั้นเพราะว่านายได้เธอไป
*วันพรุ่งนี้*
เราและนายสุดท้ายไม่เหลือค่า
วันเวลาว่าเพื่อนแท้ต้องหมางไหม้
เพียงเราฝากนายดูแลเธอเพราะไว้ใจ
นายกลับใช้มิตรแท้แค่ขามคืน....
...จบอวสาน..
<จักรัฐิเมธ>

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

จงยกตน...ของตนขึ้นจากหล่ม

ช้างติดหล่มจมติดใต้หล่มหลุม
ใครจะอุ้มช่วยช้างจากหล่มได้
ช้างสงครามยามยากจะพึ่งใคร
ต้องอาศัยกำลังตนพ้นหล่มเอง
จงยกตนของตนพ้นจากหล่ม
กิเลสตมจมหนักต้องรีบเร่ง
ตนพึ่งตนพยุงตนคือคนเก่ง
อย่ากลัวเกรงรีบยกตนพ้นหล่มมาร
เมื่อยกตนพ้นจากหล่มไม่จมแล้ว
เหมือนได้แก้วชัยชนะที่อาจหาญ
กิเลสตมหล่มไหนมาระราน
อาจต้านทานไม่ติดหล่มจมอีกเลย..
<จักรัฐิเมธ>

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

จงหลับ...จงหลับ

หลับเถอะหนา..หัวใจที่โรยแรง
เคยแก่งแย่งแข่งขันกัยวุ่นวาย
เคยผ่านทุกข์ผ่านสุขเจ็บปางตาย
หลับให้สบาย ผ่อยคลายหายกังวล
หลับเถอะหนา..หัวใจที่อิดโรย
หยุดหิวโหยโหยหา..บ้าสับสน
หยุดอารมณ์ฟุ้งซ่านรานกมล
หยุดวกวนซ่อนคิดค่อยปิดตา
หลับเถอะหนา...หัวใจ..หลับตาลง
ปลดปล่อยปลง..พิจารณา..อนิจจา
เกิดแก่เจ็บ..ตาย..สุดท้ายวายชีวา
เป็นธรรมดา..ธรรมดา..จงหลับตาลง
จงหลับ..จงหลับ..จงหลับ
<จักรัฐิเมธ>

มีดอกรัก..ก็มีดอกรันทม

ฟ้าัยังฟ้าอยู่คู่ดวงตะวัน
เจ้าดวงจันทร์..ยังอยู่คู่หมู่ดวงดาว
ค่ำคืนยังเห็นแสงดาววับวาว
ยังส่องสกาวพราวพร่างกลางคืนเดือนเพ็ญ
ขุนเขายังอยู่คู่ป่าพงไพร
สัตว์เล็กน้อยใหญ่อาศัยหลบหลีกรำเค็ญ
ทะเลยังซาซัดคลื่นให้เห็น
ฝูงปลาว่ายเล่น..ยังอยู่คู่น้ำตามเคย
แต่ดอกรักยังอยู่คู่ดอกรันทม
มีสุขสมทุกข์ตรอมตรมคู่กันเปิดเผย
มีรักมีร้างพลัดพรากจากกันละเลย
ใครจะลงเอย..อย่างไร..เตรียมใจให้ดี...
<จักรัฐิเมธ>

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

ถนนโรยด้วยกลีบกุหลาบ

กลีบกุหลาบวางโปรยโรยบนพื้น
ลาดพรมผืนกำมะหยี่สีสดใส
บนถนนคอนกรีตสิวิโลท์
ให้ชีวิตก้าวไปได้คงดี
แต่ความจริงแค่ภาพฝันเนรมิต
บนถนนชีวิตต่างหลากสี
ที่ซุกซ่อนหลุมพรางทางโลกีย์
ดูเหมือนมีกลีบกุหลาบภาพลวงตา..
ผู้ก้าวเพลินเดินไปไม่ยั้งคิด
ก้าวพลาดผิดปลิดชีวิตอย่างไร้ค่า
ผู้สงบพบสติจึงนำพา
ก้าวข้ามฝ่าปลอดภัยไร้หลุมพราง..
<จักรัฐิเมธ>

สมานสี..หรือสมานฉันท์

จะแบ่งไทยแบ่งสีผู้ดีไพร่
เหลืองแดงไว้ต่างน้ำเงินหรือหลากสี
ยกตัวกูแทนค่าสีเข้าราวี
เป็นไพรีเพราะต่างจิตคิดต่างกัน
ใช้ไวหารคำข่มโถมปลายหอก
เล่นมายาลวงหลอกให้ห่ำหั่น
ไทยฆ่าไทยเพราะต่างสีชาติพันธุ์
หวังรางวัล..สิ้นชาติหรืออย่างไร..
เพียงสมมติ..หยุดยึดถือ..คือสีข้า
เพียงเลิกบ้า..สมมุติ..หยุด ถือไพร่
เพียงรู้รักสามัคคี..ให้อภัย
หากยังเหลือน้ำใจ..ไทยด้วยกัน
..จักรัฐิเมธ..

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

ภัยพิบัติ...ลางร้ายวันสิ้นโลก


ภัยพิบัติสะบัดทั่วยั้วเยือนโลก
นำทุกข์โศกโรคภัยทุกถิ่นที่
พายุฝนกระหน่ำซ้ำซัดทวี
ธรณีพิโรธเหมือนโกรธเคือง
แผ่นดินไหวภูเขาไฟไหม้ระเบิด
สินามิกำเนิดเกิดต่อเนื่อง
ผลาญชีวิตใช้ีชีวินอย่างสิ้นเปลือง
จมบาทเบื้องมัจจุราชอนาถอนันต์
ชะตาโลกบอกลางเหตุเภทพิบัติ
เคราะห์กรรมซัดมนุษย์สร้างอย่างมหันต์
โลภ โกรธ หลง คือเชื้อร้ายก่อกลายพันธุ์
คงสักวัน...ต้องสูญพันธุ์..วันสิ้นโลก
**จักรัฐิเมธ**

วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

กบ..ในกะลา



โลกของข้ากว้างใหญ่หาใดเท่า
โลกของเจ้าว่าใหญ่ยังต้องแพ้
ข้านั้นหรือ คือเจ้าโลกขนานแท้
ใครจะแน่กว่ากบในกะลา...
....จักรัฐิเมธ...

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

ถนน...ฆ่าชีวิต

บนถนนสายเปลี่ยวดูเปลี่ยวว่าง
ดูอ้างว้างห่างไกลเกินไปถึง
แสงแดดร้อนลมแรงพัดรำพึง
ขวางหนามขึงกั้นกลางไร้ทางเดิน
หากใจท้อคงต้องรอแต่แพ้พ่าย
สิ้นสลายความฝัน..ยิ่งห่างเหิน
เหลือแต่ซากความตายให้เผชิญ
จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร...
...จักรัฐิเมธ....

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

เพราะเขาคนเดียว...ใช่ไหม

"เพราะเขาคนเดียว...แท้ๆ"
เขาคือใครที่ทำให้ใจเธอเจ็บ
เขาที่ชอบเหน็บให้เจ็บที่ตรงหัวใจ
เขาที่มองเธอเสมออย่างมีเลศนัย
เขาคนไหนที่จะใส่ใจเพียงเธอ
เขาเสมอคือคนที่เธอพร่ำหา
เขาดีเกินกว่าเกินค่าจนเธอพร่ำเพ้อ
เธอจึงเสาะหาพร้อมจริงใจเสนอ
สุดท้ายแล้วเธอละเมอด้วยทั้งน้ำตา
ที่แท้เพียงเขา..คือเงาที่เธอใฝ่ฝัน
จริงใจเมื่อยามห่างกัน สูญพลันเมื่อยามเขาหา
เพียงมายาหลอกหลวงเธอเพราะไร้เดียงสา
เขาต้องการจะฆ่าสิ่งที่เธอรักษามานาน
เขาคนนั้นที่ทำให้เธอเสียใจ
และเขาใช่ไหมคือคนที่เธอต้องการ
ถ้าไม่มีเขาเธอคงเจ็บปวดร้าวราน
เขาเพียงต้องการแค่ผ่านแต่เธอต้องการคู่เขา
เศร้าใช่ไหมเมื่อเขาต้องเดินจากไป
เจ็บใช่ไหม..เมื่อรู้ว่าต้องเปลี่ยวเหงา
น้ำตาเริ่มซึม..หัวใจของเธอซึมเศร้า
โหยหาแต่เขา...เมื่อไร้เงา..ของเขาคนนั้น...
<จักรัฐิเมธ>

ลมหนาว..สะท้อนทรวง


**ลมหนาว..สะท้อนทรวง**

สายลมหนาวพราวพร่างกลางสายหมอก
มายวนหยอกหัวใจให้สงสาร
ถึงอุ่นกายใจเหน็บหนาวร้าวรำคาญ
ต้องไหว้วานผ้าห่มข่มบันเทา
ผ้าห่มน้อยเพื่อนแท้กลับแพ้หนาว
สั่นทุกคราวเมื่อหนาวเข้ารุกเร้า
ต้องกินยาทัมใจให้บางเบา
โอ้หนาวเจ้ากลับทวีขยี้ใจ.....
<จักรัฐิเมธ>

น้ำค้างชีวิต


น้ำค้างชีวิต

หยาดน้ำค้างพร่างมาคราหน้าหนาว
เกาะยอดหญ้าวับวาวสะท้อนแสง
ในยามเช้าก่อนสายประกายแรง
ค่อยเปลี่ยนแปลงเหือดหาย..มลายพลัน
อนิจจา..นี้หรือคือชีวิต
กรรมลิขิตชะตามาแบกขันธ์
ทั้งน้อยนิด ร่อยหรอลงทุกวัน
ช่างแสนสั้นไม่แตกต่าง..น้ำค้างเลย...
<จักรัฐิเมธ..ฝากไว้ให้คิด>